วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ไอศกรีม


ไอศกรีม


ต้นกำเนิดของไอศกรีมนั้น ไม่เป็นที่แน่ชัดมาเริ่มจากไหน บางข้อมูลก็ว่าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรแห่งอาณาจักรโรมัน ที่ได้มีการพระราชทานเลี้ยงไอศกรีมทหาร โดยในสมัยนั้นทำจากเกล็ดน้ำแข็ง (หิมะ) ผสมน้ำผึ้งและผลไม้ ซึ่งคล้ายกับไอศกรีมเชอร์เบตในปัจจุบัน แต่บ้างก็ว่ามาจากประเทศจีน เกิดจากเมื่อสมัยโบราณที่นมถือเป็นของหายาก จึงได้มีการคิดวิธีเก็บรักษาโดยการเอาไปฝังในหิมะ จึงเกิดเป็นไอศกรีมขึ้น แม้จะไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับไอศกรีมอย่างทุกวันนี้

แต่บ้างก็ว่ามาจากอิตาลีโดยมาร์โค โปโล กลับจากจีนแล้วเอาสูตรไอศกรีมมาเผยแพร่ ซึ่งในตอนนั้นไอศกรีมของจีนยังไม่มีนม เป็นคล้ายน้ำแข็งไสมากกว่า ยังมีจุดเริ่มต้นจากอังกฤษเมื่อสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 พ่อครัวคนหนึ่งมีสูตรเด็ดเป็นครีมแช่แข็งปรุงรส ซึ่งเป็นสูตรลับสุดยอดที่ส่งเป็นของหวานถวายพระองค์ ทว่าเมื่อพระองค์ถูกปลงพระชนม์โดยโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ระหว่างสงครามกลางเมืองอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 1642-ค.ศ. 1651 พ่อครัวต้องลี้ภัยไปยุโรปจึงได้นำสูตรไอศกรีมนี้เผยแพร่ออกไป

ประวัติข้าวผัดอเมริกัน


ประวัติข้าวผัดอเมริกัน


คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต (เจ้าของนามปากกา "นิตยา นาฏยะสุนทร" ภรรยา นายวิลาศ มณีวัต บรรณาธิการ นสพ.ชาวกรุง คนแรก) เคยให้สัมภาษณ์หนังสือสกุลไทย เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ "ข้าวผัดอเมริกัน" ว่าเป็นอาหารที่คุณหญิงสุรีพันธ์ได้ประยุกต์ขึ้นเอง ขณะทำงานเป็น ผู้จัดการราชธานีภัตตาคาร ซึ่งเป็น แอร์พอร์ตเรสตัวรองต์ ของกรมรถไฟ ใน สนามบินดอนเมือง โดยที่มีสายการบินแห่งหนึ่งสั่งจองอาหารเช้า และอาหารกลางวันไว้แต่ยกเลิกเที่ยวบิน ทำให้อาหารเช้าแบบอเมริกันที่เตรียมไว้ เช่น ไข่ดาว ไส้กรอก เหลืออยู่จำนวนมาก คุณหญิงสุรีพันธ์ ได้นำข้าวผัดที่มีอยู่มาประกอบกับอาหารเช้าแบบอเมริกันดังกล่าวเพื่อรับประทาน นายทหารอากาศไทยที่เห็นเข้าได้สั่งรับประทานด้วย เมื่อทหารอเมริกันมาเห็นและถามถึงชื่อข้าวผัดดังกล่าว คุณหญิงสุรีพันธ์ ได้ตั้งชื่อว่า "อเมริกัน ฟรายด์ ไรซ์" หรือ "ข้าวผัดอเมริกัน" ซึ่ง พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ เสนาธิการทหารอากาศในขณะนั้นได้ทราบแล้วชอบชื่อนี้มาก ข้าวผัดอเมริกันขณะนั้นมีส่วนประกอบไม่แน่นอน บางวันส่วนประกอบก็เปลี่ยนจากไส้กรอกหรือไก่อบเป็นเนื้อทอด แล้วแต่ว่าในครัวจะเหลืออะไร เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขณะคุณหญิงสุริพันธ์แต่งงานและมีลูกแล้ว จึงเป็นเหตุการณ์หลังวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 ซึ่งเป็นวันที่คุณหญิงแต่งงาน แม้ยังไม่พบข้อมูลแน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด แต่น่าจะเกิดก่อนปี พ.ศ. 2497 ที่คุณหญิงสุรีพันธ์ลาออกจาก ราชธานีภัตตาคาร ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม อีกกระแสข่าวหนึ่งระบุว่า ข้าวผัดอเมริกัน เกิดจาก พ่อครัวชื่อ "โกเจ๊ก" คิดค้นขึ้นเพื่อให้บริการทหารอเมริกันที่ประจำการอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาและในค่ายรามสูร ที่จังหวัดอุดรธานี ในช่วงที่ไทยยังเป็นที่ตั้งฐานทัพอเมริกาใน สงครามเวียดนาม และต่อมาได้รับความนิยมจนเผยแพร่ไปทั่วประเทศ หากเหตุการณ์นี้เป็นจริงในช่วงสงครามเวียดนาม จะเกิดขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2518


วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555


ชื่อของนารูโตะ

นารูโตะ มีความหมายได้สองอย่างคือ น้ำวน หรือ คะมะโบะโกะ (ลูกชิ้นปลาชนิดหนึ่งที่มีสีขาวและชมพูโดยมีลวดลายเป็นวงตรงกลาง) นิยมใส่ในราเม็ง ซึ่งเป็นอาหารโปรดของนารูโตะ ที่มาของชื่อนารูโตะได้มาจากการที่พ่อของนารูโตะ (มินาโตะหรือท่านรุ่นที่ 4) ได้อ่านนิยายของจิไรยะ (เซียนลามก) ซึ่งนิยายในเรื่องมีตัวละครเอกที่มีความกล้าหาญอดทนที่ชื่อนารูโตะ ดังนั้นพ่อของนารูโตะจึงได้ตั้งชื่อลูกตนเองตามตัวละครนั่นเอง

[แก้]ประวัติของนารูโตะ

นารูโตะเกิดมา คนในหมู่บ้านรังเกียจและชิงชังตั้งแต่เด็ก แม่ของเขาคือพลังสถิตย์ร่างเก้าหางคนที่ 2 อุซึมากิ คุชินะ คุโนอิจิ แห่งแคว้นอุซึชิโอะ (แคว้นสายน้ำวน-แคว้นนี้เก่งวิชาผนึกมาก) ถูกส่งมาอยู่ที่โคโนฮะตั้งแต่เด็ก ตระกูล อุซึมากิ มีวามสัมพันธ์ เป็นญาติห่างๆของตระกูล เซ็นจู ฮาชิราม่า เซ็นจู(โฮคาเงะรุ่นที่ 1)โดย อุซึมากิ มิโตะ (พลังสถิตย์ร่างเก้าหางคนแรก แต่งงานกับ โฮคาเงะรุ่นที่ 1) พ่อของเขาคือ โฮคาเงะรุ่นที่ 4 หรือ นามิคาเสะ มินาโตะ ซึ่งเป็นผู้เสียสละชีวิตตัวเองต่อสู้กับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางและผนึกจิ้งจอกเก้าหางลงไปในตัวนารูโตะ จึงสามารถฝึกวิชาของรุ่นที่ 4 ได้ง่ายกว่าใครๆอย่างกระสุนวงจักระและรวมทั้งวิชาพื้นฐานด้วย เนื่องจากนารูโตะได้รับอิทธิพลมาจาก จิ้งจอกเก้าหางโดยตรงทำให้นารูโตะมีจักระที่เยอะมากกว่าคนอื่นในระดับเดียวกัน นารูโตะเติบโตมากับความโดดเดี่ยวที่ไม่มีพ่อและแม่ และมากกว่านั้นนารูโตะโดนนินจาและผู้ใหญ่ในหมู่บ้านคนอื่นเกลียดชัง เนื่องจากในตัวนารูโตะนั้นมีจิ้งจอกเก้าหาง จึงทำให้คน, นินจาในหมู่บ้านเกลียดนารูโตะเพราะคิดว่านารูโตะเป็นปีศาจ อูมิโนะ อิรุกะ อาจารย์คนแรกของนารูโตะเป็นคนที่ให้ความสำคัญและดูแลเอาใจใส่นารูโตะเหมือนน้องชายตัวเอง
อิรุกะเข้าใจความรู้สึกของนารูโตะเนื่องจากมีชีวิตในวัยเด็กเหมือนกัน ที่สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก และจิ้งจอกเก้าหางที่ผนึกอยู่ในร่างของนารูโตะนั้นฆ่าพ่อแม่ของอิรุกะอีกด้วย 12 ปีต่อมานารูโตะตัวแสบของหมู่บ้านโคโนฮะเข้าสอบเพื่อเลื่อนเป็นเกะนินแต่ไม่สำเร็จ และได้ถูกมิซึกิหลอกให้ไปเอาคัมภีร์ที่รวบรวมวิชานินจามาให้ เพื่อตนเองจะได้เอาไปและให้นารูโตะเป็นแพะรับบาป แต่อิรุกะได้มาช่วยนารูโตะไว้ มิซึกิได้บอกว่าในตัวนารูโตะมีตัวจิ้งจอกเก้าหางอยู่ในตัว และได้ฆ่าพ่อแม่ของอิรุกะ นารูโตะได้เรียนวิชานินจากับซาซึเกะ,ซากุระ และครูคาคาชิซึ่งร่วมมือกันในภารกิจต่างๆในหน่วย 7 โดยเฉพาะภารกิจที่ช่วยคุ้มครองการสร้างสะพาน ในภาคสอง นารูโตะและซากุระไปช่วยกาอาระ{คาเซคาเงะ}ที่โดนกลุ่มแสงอุษาลักพาตัวไป ความรู้สึกที่นารูโตะมีต่อซากุระ คือรูปแบบผู้หญิงที่รัก ถึงแม้ซากุระจะรักซาสึเกะ มีตอนหนึ่งในภาค2 ที่นารูโตะกล่าวว่า ซากุระจังคือผู้หญิงที่ฉันชอบ แต่เธอก็ชอบผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าซาสึเกะ แต่ฉันก็ยังคอยดูเธออยู่ ฉันต้องการที่จะปกป้องเธอ และสักวันหนึ่ง ซากุระจังก็อาจจะหันมามองฉันบ้าง สักวันหนึ่ง นารูโตะเป็นนินจาที่ค่อนข้างจะโชคดีในเรื่องโชคลาภ เพราะในตอนที่จิไรยะเอาเงินของนารูโตะไปใช้เลยทำให้เงินหมด แต่เพราะไปเล่นเสี่ยงโชคขูดสลากครั้งเดียว นารูโตะสามารถเอาเงินกลับคืนมาได้หมด


วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ชื่อ นาย ภวัต  จินดารัตน์
ชั้น ม.4/3  เลขที่ 35

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555


Phra Pathom Chedi



     Phra Pathom Chedi (Thai: พระปฐมเจดีย์) is the tallest stupa in the world with the height of 127 metres (417 ft). It is located in the town of Nakhon Pathom, Thailand.
The name Phra Pathom Chedi means Holy chedi (stupa) of the beginning. The stupa at the location is first mentioned in Buddhist scriptures of the year 675, however archaeological findings date back to the 4th century. In the 11th century it was overbuilt with a Khmer (Ancient Cambodia) style prang, which was later overgrown by the jungle. The ruin was visited several times by the later King Mongkut during his time as a monk, and after his coronation he ordered the building of a new and more magnificent chedi at the site. After 17 years of construction it was finished in 1870, and the population of nearby Nakhon Chai Si was ordered to move to the newly created town around the chedi.                                                            

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555


Petchtai Wongkamlao
BornPetchtai Wongkamlao
June 24, 1965 (age 46)
Yasothon ProvinceThailand
Other namesMum Jokmok or Humlae
SpouseEndoo Wongkamlao

Biography

[edit]Comedian and TV shows                                                                                          

Mum started his career as a comedian in the Bangkok "cafe" scene (restaurants in Thailand with live music and comedy performances). He started his own comedy troupe with "Jaturong Mokjok". Mum became widely known to the public from the variety-game show Ching Roi Ching Lan (ชิงร้อยชิงล้าน) hosted by Panya Nirankul. He appeared in comedy section with his group members and performed stunts.

Film roles

Wongkamlao is perhaps best known for his film role as George (or Dirty Balls which is from the Isan language word, Buk Hum Lare; บักหำแหล่), the comic-relief character in Ong-Bak: Muay Thai Warrior, a popular action film that starsTony Jaa.
Mum reprised the comic-relief role in the followup to Ong-BakTom-Yum-Goong, tough instead of a con artist, as he portrayed in Ong-Bak, he was a Sydney police inspector. Much of the comedy in Tom-Yum-Goong had to do with Mum's character speaking English, which is not his first language. A gag reel over the closing credits shows him struggling with many of his lines.

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

4335

Work smart, not hard – part 1



One of the biggest shocks that people have about high school English is that although everyone has studied English at school, hardly anyone speaks it. I'm sure you had English classes for many years in high school, yes? And can you speak fluent English? Just imaging if you had studied your own writing for 6 years in Elementary School and couldn't write a single word! So why can't you speak English? Well, the reason is that you were working hard, but not smart. You had the wrong goals and targets in mind. Up until now the High School English system was built on ideas from the Victorian period. In that time the target wasn't communication English, because there was no-one to communicate with! The aim then was to learn foreign knowledge. People would read books in German or English or Dutch about arms, or medicine or engineering. They would dissect the grammar and translate it into for everyone to read and understand. If you think about your high school English, it was probably something just like that. And in that respect the world has succeeded. But it's not the Victorian period anymore, it's now about communication. Unfortunately the school system hasn't caught up yet, but it will! So realise that what you learnt in high school won't really help you. But don't feel bad about the time you spent, you were just working towards an unsuitable goal. And now things are different, now you have a new goal, a new motivation, and a new determination to achieve that goal!